ครัวนวัตกิน : ส่งความรัก-ความห่วงใจไปกับบิสกิตแอนแซก

ครัวนวัตกิน : ส่งความรัก-ความห่วงใจไปกับบิสกิตแอนแซก

สตรีออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แสดงความรักและความห่วงใยต่อสามี ลูกชายหรือญาติพี่น้องต้องไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผ่านการอบขนมบิสกิตแอนแซกที่กลายเป็นความภาคภูมิใจของทั้งสองชาติมาจนกระทั่งปัจจุบัน
บิสกิตแอนแซก (Anzac biscuit) เป็นที่นิยมมากในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ถ้าดูจากส่วนประกอบก็คือบิสกิตข้าวโอ๊ตธรรมดาๆ แต่ความพิเศษของขนมชนิดนี้อยู่ที่ความเกี่ยวข้องกับหน่วยทหารออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ (Australian and New Zealand Army Corps เขียนย่อว่า ANZAC) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1


ว่ากันว่าเหล่าบรรดาแม่บ้านที่สามีหรือลูกชายต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปร่วมรบในสงครามครั้งนั้นต่างก็เป็นห่วงความปลอดภัย สวัสดิภาพและปากท้องของทหารหาญเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย จึงอบขนมที่เก็บไว้ได้นานฝากไปให้กำลังพลในหน่วยแอนแซคไว้เป็นเสบียงระหว่างปฏิบัติภารกิจ นอกจากนี้ยังมีการนำขนมออกขายเพื่อระดมเงินช่วยเหลือทหารผ่านศึกอีกด้วย


เหตุที่ผู้คนในแนวหลังนิยมอบขนมชนิดนี้ส่งไปแนวหน้าก็เพราะส่วนประกอบของบิสกิตสไตล์โฮมเมดนี้ หลักๆ ก็ได้แก่ ข้าวโอ๊ต แป้งสาลี น้ำตาล เนยหรือมาการีน และส่วนประกอบอื่นๆ ที่เมื่อรวมกันกลายเป็นบิสกิตที่ไม่เสียง่ายแม้จะส่งไปทางเรือซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน (แต่อย่าสับสนกับขนมปังกรอบที่เรียกว่าฮาร์ดแท็ก (hardtack) หรือเวเฟอร์แอนแซกที่ทำจากแป้งสาลี น้ำและเกลือ นะครับ เพราะอย่างหลังนี้ เป็นเสบียงกรังสำหรับการเดินทางไกลทั้งทางบกและทางน้ำ รวมถึงเป็นอาหารปันส่วนสำหรับทหารมาระหว่างศตวรรษที่ 17-19 ) ส่วนบิสกิตแอนแซกเพิ่งปรากฏขึ้นในศตวรรษที่ 20 นี่เอง
ทุกวันนี้ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยังคงมีกิจกรรมที่ระลึก ที่เรียกว่า วันแอนแซd (Anzac Day) ในวันที่ 25 เมษายน ของทุกปี เพื่อรำลึกถึงบุรุษและสตรีจากทั้งสองประเทศเดินทางไปถึงสมรภูมิกัลลิโปลี (Gallipoli) ในพื้นที่จักรวรรดิออตโตมาน (ปัจจุบันอยู่ในประเทศตุรกี) เพื่อร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1
.
เชื่อว่าในช่วงกักตัวอยู่บ้านยาวๆ ที่ผ่านมา คุณๆ หลายคนมีทักษะการอบคัพเค้ก ทำบราวนี หรือแม้แต่อาหารคาวหวานอย่างอื่นอีกหลายชนิด บางบ้านมีเตาอบธรรมดา เตาอบไมโครเวฟ หรือแม้แต่เตาอบขนาดเล็กหรือเตาติ๊ง กันอยู่แล้ว งั้นเรามาลองทำบิสกิตแอนแซกดูมั้ยครับ ผมว่าทำไม่ยากแถมยังเข้ากับกาแฟ ชาหรือเครื่องดื่มสุดโปรดได้ดีเยี่ยม เราไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลย
….
ส่วนผสม
ข้าวโอ๊ตบด (rolled oats) 85 กรัม
แป้งสาลี (ร่อนแล้ว) 1 ¼ ถ้วย
น้ำตาลทรายป่น (น้ำตาลไอซิ่ง) ½ ถ้วย
มะพร้าวขูดคั่วให้แห้ง ¾ ถ้วย
เนยจืด 150 กรัม
น้ำเชื่อม Golden Syrup 2 ช้อนโต๊ะ
เบกกิ้งโซดา (โซเดียมไบคาร์บอนเนต) 1 ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า ½ ช้อนชา
….
วิธีทำ

  1. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ 180 องศา
  2. ผสมแป้งสาลี ข้าวโอ๊ต น้ำตาลและมะพร้าว ในชาม คนให้เข้ากัน
  3. ตั้งกะทะ ใส่น้ำเชื่อมกับเนย ใช้ไฟต่ำ เคี่ยวให้ละลายเข้ากัน เติมเบกกิ้งโซดาและน้ำ ช้อนฟองที่เกิดระหว่างการเคี่ยวทิ้งได้ (ถ้าชอบหวานเติมน้ำเชื่อมได้อีกเล็กน้อยในขั้นนี้)
  4. เทส่วนผสมในข้อ 3 ใส่ส่วนผสมในข้อ 2 คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันและเย็นลง ใช้ช้อนตักขึ้นมาปั้นเป็นลูกกลมๆ วางในถาดที่รองด้วยกระดาษรองอบ (หรือใช้เนยทาถาดบางๆ กันขนมติดก็ได้) ให้ขนมแต่ละก้อนห่างกันราว 1 นิ้ว กดเบาๆ ให้ก้อนขนมแบนเล็กน้อย
  5. อบที่อุณหภูมิ 175 องศาเป็นเวลา 15-20 นาที หรือสังเกตว่าขนมเป็นสีน้ำตาลทองเป็นอันใช้ได้ (ถ้าชอบแบบต้องออกแรงเคี้ยวมากหน่อย จะอบแค่ 12 นาทีก็ได้)
  6. เมื่อขนมเย็นลงแล้ว เก็บใส่กล่องใส่อาหารที่มีฝาปิดสนิทเก็บไว้กินได้นานๆ
    เกร็ดนวัตกิน
    ถ้าดูตามสูตรด้านบนจะเห็นว่าส่วนใหญ่เราหาได้ในท้องตลาดทั่วไปล่ะครับ แต่มีอยู่อย่างหนึ่งคือ น้ำเชื่อม Golden Syrup ที่เป็นน้ำเชื่อมเนื้อข้น ใส สีอำพันหรือบางทีก็หนักไปทางสีทอง รสหวานจัด ลักษณะคล้ายน้ำผึ้ง นิยมใช้ในการทำขนมหวานหรือขนมอบต่างๆ น้ำเชื่อมชนิดนี้นอกจากจะทำให้ได้สีน้ำตาลทองแล้ว ยังเพิ่มความกรอบให้ขนมอีกด้วย
    และถ้าหาซื้อน้ำเชื่อม Golden Syrupไม่ได้ ลองหากน้ำเชื่อมเมเปิ้ล (Maple Syrup) ที่ใช้ราดบนแพนเค้กมาใช้แทนก็ได้หรือลองสูตรทดแทนโดยการผสมกากน้ำตาล (โมลาส) หรือน้ำเชื่อม 1ส่วน ผสมกับน้ำผึ้ง 3 ส่วน หรือเคี่ยวน้ำตาลกับเปลือกมะนาว (หรือเลมอน) ก็ใช้ได้เหมือนกันครับ

Related Posts