ลูกระเบิดจากอะโวคาโด..
ขู่ระเบิดแบงค์ด้วยซอสสปาเก็ตตี..
Hi-Five ทีเผลอกับสับปะรด..
เอาแตงกวายัดถุงเท้าแล้วไปปล้น..
เพิ่มพลังหมัดด้วยมันฝรั่งพร้อมสลักชื่อ..
.
อะโวคาโด ซอสสปาเก็ตตี แตงกวา สับปะรด มันฝรั่ง…นำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนู แต่วันหนึ่งถ้ามีคนอุตริเอาไปใช้ทำความผิดล่ะ อาหารกลายเป็นอาวุธได้ด้วยหรือ วันนี้เพจนวัตกินมีเรื่องไม่ธรรมดาของอาหารในอีกมุมหนึ่งมาฝากครับ
ใครจะไปนึกใช่ไหมครับว่าวันหนึ่งอาหารที่เราพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจะกลายเป็นอาวุธที่ใช้ประหัตประหารหรือทำร้ายคนอื่นได้ แน่ล่ะครับ คุณๆ อาจเคยได้ยินว่าคนโมโหอาจใช้สิ่งของที่โดยสภาพไม่ใช่อาวุธ เช่น ส้อม ช้อน ตะหลิว กระทะ หรือแม้แต่ถ้วยชาม ไปจนถึงหม้อต้มแกงทำร้ายกันมาบ้างแล้ว แต่เคยได้ยินว่ามีใครใช้อาหารเป็นอาวุธบ้างหรือเปล่า
แต่เตือนไว้ก่อนนะครับว่า สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้ฟังไว้เป็นอุทธาหรณ์ดีกว่านะครับ อย่าเลียนแบบเลย เพราะมันจะไม่ขำแบบทีเราอ่านแน่ๆ
เนียนทำลูกระเบิดจากอะโวคาโด
.
อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่มีผิวขรุขระ เปลือกหนาสีเขียวเข้ม เมื่อสุกจัดจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงหรือดำ เนื้ออ่อนนุ่มเหมือนครีมรสคล้ายเนย อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ มากมาย เราพบเห็นการนำอะโวคาโดไปปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นทำแซนด์วิชหรือสลัด แต่ต้องไม่ใช่การปล้นธนาคาร
เรื่องมีอยู่ว่า ในเดือนมิถุนายน 2019มีคนก่อเหตุปล้นธนาคารถึง 2 แห่งในอิสราเอล ซึ่งสิ่งเขาใช้คือผลอะโวคาโดที่ทาสีดำลงบนเปลือกเพื่อหลอกพนักงานธนาคารว่าเขามีลูกระเบิดอยู่กับตัว
คนร้ายรายนี้เป็นชายวัย 47ปี ซึ่งเินเข้าไปในธนาคารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าแล้วยื่นกระดาษที่มีข้อความว่า “ส่งเงินในลิ้นชักมาให้หมด” แก่พนักงาน ซึ่งแน่นอนครับ เป็นใครเจอแบบนี้เข้าก็ถึงกับช็อกได้ พนักงานธนาคารคนนั้นสติแตกตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งนิ่งจนคนร้ายต้องเอ่ยปากว่า “เอาเงินในลิ้นชักมาเร็วๆ ไม่งั้นฉันจะระเบิดที่นี่เสีย” พร้อมโชว์ลูกระเบิดปลอมจากอะโวคาโดให้ดู
ได้ผลครับ ชายคนนั้นได้เงินไป และในอีก 5วันเขาก็ทำแบบเดียวกันอีก รวมเงินที่เขาได้ไปจากการก่อเหตุ 2ครั้ง เป็นเงินราว 8,300 ดอลลาร์ หรือเกือบ 260,000บาท
แต่ของแบบนี้ดีใจได้ไม่นานครับ ตำรวจอิสราเอลเขาปล่อยให้คนร้ายตายใจ ก่อนจะติดตามความเคลื่อนไหวจากโทรศัพท์มือถือแล้วรวบตัวได้หลังก่อเหตุครั้งที่ 2 ไม่นาน
ขู่ระเบิดแบงค์ด้วยซอสสปาเก็ตตี
.
หัวใจความอร่อยของพาสตาและสปาเก็ตตี คือซอส ซึ่งซอสยอดฮิตอย่างซอสครีม ซอสคาโบนารา ซอสมีทบอล ซอสพอร์กบอลชีส และอีกหลากหลายเมนูล้วนแต่ถูกอกถูกใจผู้คนทุกเพศทุกวัยมาแล้วนับไม่ถ้วน
แต่ในปี 2013ปรากฏว่ามีเหตุผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปปล้นธนาคารในเมืองคลินตันทาวน์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา แล้วทิ้งถุงใบหนึ่งที่เธอบอกว่าในนั้นมีระเบิดลูกก่อนจะหลบหนีไปได้อย่างลอยนวล เดือดร้อนหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดที่เดินทางมายังที่เกิดเหตุพร้อมอุปกรณ์ครบมือ
แต่ก็อย่างที่คาดครับ เมื่อเจ้าหน้าที่ลงมือเก็บกู้กลับพบว่าสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นไม่ใช่ระเบิดหรือสิ่งที่จะทำลายชีวิตและทรัพย์สินผู้คนได้เลย หากแต่เป็นซอสมะเขือเทศที่ใช้สำหรับทำซอสพาสตาและสปากเก็ตตีจำนวน 2กระป๋อง
แต่ตำรวจก็ไวไม่ใช่เล่น เพียง 2วันหลังเกิดเหตุก็สามารถจับกุมคนร้ายรายนี้คือ โอเฟเลีย อะมีเลีย เนียล พร้อมแจ้งข้อหาปล้นธนาคาร
ทั้งนี้ นอกจากความจริงที่ว่าระเบิดที่เธอขู่นั้นจะกลายเป็นซอสมะเขือเทศกระป๋องแล้ว ตำรวจยังพบว่าเธอมีอุปกรณ์จุดระเบิดอยู่ด้วย
เล่นงานทีเผลอด้วยสับปะรด
.
การแพ้อาหารไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ระดับความรุนแรงมีตั้งแต่อาการคันในปาก คันตา น้ำตาไหล เป็นลมพิษหรือผิวหนังอักเสบไปจนถึงคัดจมูก น้ำมูกไหล จาม คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หรือถ้ารุนแรงมากอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ มีข้อมูลจากหน่าวยงานด้านวิจัยการแพ้อาหารของอเมริกา ว่า มีคนอเมริกันแพ้อาหารถึง 32 ล้านคน และจะมีคนป่วยจากการแพ้อาหารเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในทุกๆ 3 นาทีเลยทีเดียว
เช่นเดียวกับในช่วงฤดูหนาวปี 2018ที่เมืองบัตเลอร์ทาวน์ประเทศอังกฤษ เด็กหญิงวัย 14ปีคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนจากอาการแพ้รุนแรงซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายมีต่อสับปะรดในระหว่างมื้อเที่ยงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่ที่น่าแปลกก็คือ เธอยืนยันว่าเธอไม่ได้แตะต้องเลยสักชิ้น เพราะรู้ดีว่าตัวเองแพ้สับปะรด
แต่หลังจากนึกทบทวนก็รู้ว่ามีเด็กหญิง 3คนร่วมมือกันแกล้งเธอด้วยการทำเป็นขอ high-five (ใช้ฝ่ามือกระทบกันเบาๆ เหมือนกันทักทาย) และมีความเป็นไปได้ที่ระหว่างเธอหันไปสนใจสิ่งอื่นอยู่นั้น เด็กหญิง 1 ใน 3คนก็แอบผสมสับปะรดลงในอาหารกลางวันของเธอ
นอกจากนี้ เมื่อตำรวจสืบสาวราวเรื่องลึกลงไปก็พบว่า อาการแพ้สับปะรดของเหยื่อรายนี้เป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางทั้งโรงเรียน แต่ในวันเกิดเหตุทุกคนยืนยันว่าไม่มีสับปะรดในเมนูอาหารเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือต้องมีคนนำพืชมรณะนี้เข้ามาในโรงเรียนแน่ๆ ในเวลาต่อมาเด็กหญิง 3 คนนั้นถูกนำตัวไปยังศาลคดีเด็กและเยาวชนในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ขำไม่ออกเพราะแตงกวา
.
พูดถึงแตงกวาเราจะนึกถึงประโยชน์อันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ลดอาการขาดน้ำของร่างกาย ช่วยขจัดสารพิษตกค้างในลำไส้และป้องกันมะเร็งในระยะเริ่มต้น
ทุกอย่างก็น่าจะมีแต่ประโยชน์อย่างที่ว่ามาละครับ ถ้าหากชายชาวสก็อตคนหนึ่งเพียงปลูกและกินแตงกวาของตัวเองไปตามปกติ แต่เรื่องราวกับไม่ง่ายอย่างนั้น
แกรี ราฟจ์ นำแตงกวายัดเข้าไปในถุงเท้าสีดำแล้วปีนเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งในเมืองเช็ตเติลสตัน โดยมีจุดประสงค์หวังจะปล้นทรัพย์ในบ้านหลังนั้น แต่เมื่อเจ้าของบ้านตื่นขึ้นและปฏิเสธจะให้เงินทองข้าวของใดๆ แก่โจรรายนี้ซึ่งต่อมาถูกตำรวจตะครุบตัวไว้ได้พร้อม “อาวุธ” ในถุงเท้า
“ผมต้องติดคุกด้วยเหรอครับ” ราฟจ์โจรสติเฟื่องรายนี้ถามตำรวจ เขาพยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าที่เขาทำก็แค่ความคิดแผลงๆ เขาไม่ใช่โจร ตำรวจน่าจะมองให้เป็นเรื่องขำขันบ้างก็ได้นี่นา…
แต่ไม่มีใครขำกับหมอนี่ด้วย เพราะพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ฟ้องว่าขณะก่อเหตุนายราฟจ์ วัย 28 ปีรายนี้ พกพา “วัตถุทรงกระบอกอยู่ในถุงเท้าสีดำ” และทำให้ศาลตัดสินลงโทษจำคุกเขาเป็นเวลา 3ปี 4 เดือน
มันฝรั่งเพิ่มพลังหมัด
.
การถูกคนบุกรุกเข้ามาในบ้านเป็นสิ่งที่ใครก็กลัวและไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองและคนที่เรารัก ยิ่งคนคนนั้นพกพาสิ่งแปลกประหลาดที่คุณนำมาคลุกเคล้ากับครีมเปรี้ยว (sour cream) หรือนำมาต้มแล้วบดกับเนยก็น่าจะยิ่งทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความไม่ธรรมดาแน่ๆ
เดือนกันยายน 2018ที่เมืองเลกทาโฮ รัฐแคลฟอร์เนีย ผู้หญิงคนหนึ่งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อเธอพบว่ามีคนร้ายเป็นชายบุกเข้าในบ้านพร้อมมันฝรั่งที่สลักอักษรตัวแรกของชื่อเธอไว้บนนั้น
ฟังแล้วน่าขนลุกนะครับ
วิลเลียม เจมส์ เบสต์ วัย 41ปี บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นกับแฟนของเธอมีปากเสียงกันก็เลยอยากจะไปช่วยระงับเหตุ ส่วนที่ถือมันฝรั่งไปด้วยกันก็เพื่อเป็นการป้องกันตัว เผื่อสถานการณ์ไม่ดี มันฝรั่งจะได้ช่วยให้เขามีพลังชกมากขึ้น (ว่างั้น!!!) และเพราะนายเบสต์คนนี้ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมต้องสลักอักษรแรกของชื่อผู้หญิงคนนั้นไว้บนมันฝรั่งเลยถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดและให้ใช้กระบวนการคุมประพฤติแทนการจำคุกเป็นเวลา 1 ปี