รวมข่าว 10 ข่าวสารนวัตกรรมอาหารที่น่าสนใจ
(Food Innovation News)
▪▪▪▪
‘นวัตกรรม’ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนโลกของเราอย่างรวดเร็วในทุกวงการ ในวงการอาหารการกินที่ ‘นวัตกิน’ ของเราสนใจก็เช่นกันครับ
ข่าวคราวของหน่วยงาน บริษัทและนักคิดนักประดิษฐ์ทั้งหลายเกี่ยวกับนวัตกรรมอาหารมีออกมาเสมออย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นทุกๆ เดือนเราจะนำข่าวสารเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจมาลงไว้ให้ชาวนวัตกินทุกคนนะครับ เผื่อใครจะนำไปเป็นไอเดียต่อยอดทางได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ
▪▪▪▪
1. ฟินแลนด์เตือน ปี 2050 ช็อกโกแลตจะหมดโลก
องค์กรการค้าโดยชอบธรรมของฟินแลนด์ (Fairtrade Finland) เปิดตัวโครงการรณรงค์ “Chocogeddon” เป็นช็อกโกแลตรูปสัตว์ที่กำลังละลาย เพื่อสร้างความตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อต้นโกโก้ เนื่องจากมีข้อมูลว่าภายในปี 2050 ช็อกโกแลตอาจหายไปจากโลก หรือกลายเป็นสินค้าหายากราคาแพง เพราะอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นจะกระทบต่อผลผลิตโกโก้
ดังนั้น จึงมีทำช็อกโกแลตรูปนกเค้าแมวหิมะ ลิง ช้างแอฟริกาและกบที่กำลังละลาย โดยทั้ง 4 ชนิดเป็นตัวแทนของสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ
ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในกิจกรรมนี้ง่ายๆ ด้วยการเลือกซื้อช็อกโกแลตจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม
▪▪▪▪
2. เรียกคืนทูน่าพบสารก่อภูมิแพ้
บริษัท Mical Seafood Inc. รัฐฟลอริดา สหรัฐ เรียกคืนผลิตภัณฑ์ทูน่าหรือปลาโอครีบเหลือง (yellow fin tuna) แช่แข็งจำนวนมากเนื่องจากมีแนวโน้มทำให้ระดับฮิสตามีน (histamine) ที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาภูมิแพ้เพิ่มขึ้น
โดยผลิตภัณฑ์ที่เรียกคืนครั้งนี้มีทั้งเนื้อพื้นท้อง เนื้อทูน่าบด และเนื้อสเต๊กทูน่าขนาด 6 ออนซ์ ที่จำหน่ายในรัฐฟลอริดา แมรีแลนด์ เพนซิลเวเนีย นิวยอร์ก เท็กซัส มิชิแกน แคลิฟอร์เนีย ฯลฯ
ทั้งนี้ ปริมาณฮีสตามีนที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เรียกว่าพิษปลาทะเลสคอมบรอยด์ (Scombroid fish poisoning) ซึ่งพบได้ในปลาต่างๆ อย่างปลาทูน่าหรือปลาโอ ปลาแมกคอเรลและหอยเป๋าฮื้อ เป็นต้น
โดยอาการนั้นจะมีการเกิดผื่นคัน คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือ อาการอื่นๆ คนไข้สามารถมีอาการได้ตั้งแต่ไม่รุนแรงที่สามารถหายได้เอง ไปจนถึงอาการรุนแรง อาจมีความดันเลือดต่ำ เห็นภาพซ้อน แสบร้อนบริเวณลิ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในอาการที่รุนแรงมาก ๆนั้น ยังไม่มีเอกสารยืนยันว่ามีผู้การได้รับพิษดังกล่าวจนถึงขั้นเสียชีวิต
▪▪▪▪
3. แคลิฟอร์เนียแบน “คลอร์ไพริฟอส” ภายในปี 2020
หน่วยงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแคลิฟอร์เนีย (CalEPA) ประกาศว่าการจำหน่ายสารกำจัดศัตรูพืช “คลอร์ไพริฟอส” (chlorpyrifos) จะยุติลงในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ตามข้อตกลงระหว่างหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการควบคุมกับบริษัทผู้ผลิตสารดังกล่าว
ทั้นี้พวกเขามีจุดหมายเพื่อปกป้องชุมชนและสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะเด็กๆ ที่สัมผัสสารดังกล่าวมีความเสี่ยงสมองผิดปกติ ความเป็นพิษต่อระบบประสาทอย่างถาวร โดยเฉพาะในด้านการเรียนรู้และความจำ อีกทั้งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านมและลำไส้
ขณะเดียวกันยังพบความเสี่ยงได้ในสตรีมีครรภ์และเกษตรกรผู้ใช้สารดังกล่าวในการผลิตฝ้าย ส้ม อัลมอนด์ องุ่น วอลนัต ฯลฯ ทั้งนี้ ในสหรัฐอเมริกา มีรัฐที่ยุติการใช้สารคลอร์ไพริฟอสแล้ว 2 รัฐ คือ รัฐฮาวาย และรัฐนิวยอร์ก ในปี 2018 และปี 2019 ตามลำดับ
▪▪▪▪
4. Cargill ทุ่มวิจัยใยอาหารเพื่อช่วยลดน้ำตาล
บริษัท Cargill จากรัฐมินนิโซตา สหรัฐ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการเกษตรทั้งการผลิตและเป็นหน่วยกลางซื้อขายอาหารผลผลิตทางการเกษตร ทุ่มเงินวิจัย 35 ล้านดอลลาร์เพื่อผลิตใยอาหารที่ละลายน้ำ (soluble fiber) ในยุโรป โดยมีจุดประสงค์สำคัญอยู่ที่การลดปริมาณน้ำตาลและพลังงาน (แคลอรี) ซึ่งผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ การใช้ใยอาหารจะลดน้ำตาลลงได้ถึง 30% เช่นเดียวกับการลดปริมาณแคลอรีในอาหาร พร้อมๆ กับเพิ่มใยอาหารในขนมหวาน ขนมอบ ซีเรียล ไอศกรีมและผลิตภัณฑ์นมที่คงรสชาติ รูปลักษณ์และเนื้อสัมผัสแบบเดิมไว้ได้ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะออกสู่ตลาดในปี 2021 วางอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีก้าวหน้าที่มีการจดสิทธิบัตร ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนจะขยายไปสู่สินค้าหมวดอื่นๆ ต่อไปด้วย
▪▪▪▪
5. FDA สหรัฐออกชุดให้ความรู้ด้านโภชนาการ
องค์การอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) จัดทำชุดความรู้ด้านโภชนาการสำหรับองค์กรและบุคลากรด้านการศึกษาเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเกิดเข้าใจฉลากโภชนาการแบบใหม่ ที่นอกจากจะมีข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นั้นๆ อย่างหน่วยบริโภค (serving size) พลังงานและข้อมูลโภชนาการแล้ว ยังเพิ่มคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้อ การเตรียมและการสั่งอาหารที่ดีต่อสุขภาพเมื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้านด้วย
ทั้งนี้ ชุดความรู้ดังกล่าวประกอบด้วย คำชี้แจงเบื้องต้น เอกสาร 4 แผ่นที่ให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับโภชนาการและอาหาร ไฟล์นำเสนอและข้อมูลเพิ่มเติม แบบทดสอบก่อนและหลังการใช้ไฟล์นำเสนอ รวมทั้งอินโฟกราฟิกและตัวอย่างข้อความทางสื่อออนไลน์เพื่อการแบ่งปันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร โดย FDA จะจัดทำโครงการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับฉลากโภชนาการแบบใหม่แก่ผู้บริโภคในปี 2020 ด้วย
▪▪▪▪
6. ศาลยุโรปให้ใช้ไวรัสธรรมชาติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
ศาลยุติธรรมยุโรปเห็นชอบให้บริษัทผู้ผลิตอาหารใช้เชื้อไวรัสแบคเทอริโอเฟจ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “เฟจ” (phage) ในการป้องกันเชื้อลิสเตอเรีย (listeria) ในอาหารพร้อมรับประทานทุกชนิด
ทั้งนี้ เฟจเป็นเชื้อไวรัสที่จะต้องอาศัยอยู่กับเซลล์ของลิสเตอร์เรียเพื่อการเจริญและเพิ่มจำนวน จึงสามารถใช้ในกระบวนการผลิตอาหารเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อแบคทีเรียอันตรายในอาหาร ซึ่งมักพบการติดเชื้อที่รุนแรงในผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ทารกแรกเกิด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
โดยมีข้อมูลการระบาดของเชื้อดังกล่าวในสเปน เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ เชื้อไวรัสแบคเทอริโอเฟจสามารถยับยั้งได้ด้วยความร้อนที่อุณหภูมิ 63-88 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที
▪▪▪▪
7. ไขมันเพื่อสุขภาพ
บริษัทคิวบิก (Qubiq) ที่กรุงบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ใช้งบประมาณ 12 ล้านยูโรในการพัฒนาเทคโนโลยีที่อาจช่วยลดการใช้ไขมันทรานซ์และน้ำมันปาล์มลง พร้อมการเพิ่มแหล่งไขมันจำเป็นอย่างโอเมกา 3 ที่ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้
โดยในการทดลอง มีการนำไขมันจากสัตว์ปีก ปศุสัตว์และสุกรมาใช้ในการอบคุกกี้และเค้ก รวมถึงการทำพิซซ่า แฮมเบอร์เกอร์และนักเก็ต ซึ่งเทคโนโลยีที่บริษัทนำมาใช้นั้นส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ อย่างไรก็ตาม ไขมันสัตว์มีความหลากหลายตามสภาพภูมิอากาศและอาหารที่สัตว์กินเข้าไป
ขณะที่ไขมันพืชแม้จะมีความเสถียรกว่าแต่ก็มีไขมันทรานซ์และยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างการตัดไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่ผลิตน้ำมันปาล์ม รวมถึงรสชาติด้อยกว่าไขมันสัตว์ จึงเกิดแนวคิดพัฒนาคุณภาพไขมันสัตว์ที่มีผลดีต่อสุขภาพ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายโดยไม่ทำให้รสชาติเสียไป
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะวางจำหน่ายในปี 2020 โดยเริ่มจากตลาดในยุโรปและสหรัฐเป็นอันดับแรก
▪▪▪▪
8. คาร์ลสเบิร์ก กับ ขวดกระดาษรักษ์โลก
กลุ่มบริษัทคาร์สเบิร์กเปิดตัวโครงการGreen Fibre Bottle ซึ่งเป็นขวดเบียร์กระดาษต้นแบบครั้งแรกของโลก ซึ่งผลิตจากเยื่อกระดาษแบบยั่งยืน 100% พร้อมยืนยันว่าสามารถนำกลับมาแปรใช้ใหม่ (recyclable) ได้ทั้งหมด
ขณะเดียวกันพวกเขาก็ประกาศว่าขณะนี้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของโลกในการร่วมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนผ่านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีขวดกระดาษ
โดยขวดกระดาษต้นแบบมี 2 ชนิด คือ ชนิดที่ใช้แผ่นฟิล์มโพลิเมอร์ PET ที่นำมาแปรใช้ใหม่ได้ กับชนิดที่ใช้แผ่นฟิล์มโพลิเมอร์ PEF ที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% โดยพวกเขาจะนำขวดต้นแบบทั้ง 2 ชนิดมาทดสอบเพื่อให้ได้ขวดจากธรรมชาติที่ไม่ต้องใช้โพลิเมอร์แบบ 100% ในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากกองทุนนวัตกรรมเดนมมาร์ก
▪▪▪▪
9. เซนเซอร์วัดความชื้น เกษตรกรประหยัดเงินและน้ำ
คณะนักวิจัยทางมหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัตพัฒนาเซนเซอร์วัดความชื้นในดินที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีที่ใช้ในปัจจุบัน
เพราะเดิมการวัดและติดตามสิ่งที่อยู่ใต้ดินเป็นเรื่องยาก แต่เซนเซอร์ที่พัฒนาขึ้นนี้มีความแม่นยำสูงในการระบุระดับความชื้นโดยไม่ทำให้การใช้น้ำในการเกษตรสูญเปล่า ซึ่งช่วยประหยัดน้ำได้ถึง 35% และยังมีราคาถูกกว่าเซนเซอร์ระดับเดียวกันในท้องตลาดที่มีราคา 100-1,000 เหรียญ
ขณะที่เซนเซอร์ที่พัฒนาขึ้นมีราคาเพียง 2 เหรียญเท่านั้น นอกจากนี้คณะนักวิจัยยังศึกษาเซนเซอร์วัดปริมาณไนโตรเจนโดยใช้ต้นแบบเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรทราบว่าเมื่อใดที่ต้องใส่ปุ๋ยในแปลงปลูกพืชอีกด้วย
▪▪☆☆
10. EU ตั้งเป้าพัฒนาโปรตีนทางเลือก
สหภาพยุโรป (EU) จะเปิดตัวโครงการพัฒนาโปรตีนทางเลือกในเดือนมกราคม 2020 โดยต่อยอดจากโครงการสมาร์ทโปรตีน (Smart Protein) เพื่อพัฒนาโปรตีนสำหรับอนาคตที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและความปลอดภัยของอาหาร โดยมีเป้าหมายผลิตเนื้อสัตว์ เนื้อปลา อาหารทะเล เนยแข็ง อาหารเด็กและผลิตภัณฑ์นมอื่นๆ รวมถึงอาหารอบต่างๆ จากพืช และวางจำหน่ายในราวปี 2025
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกจะพัฒนาจากพืชอย่างถั่วปากอ้า (fava beans) ถั่วเลนทิล ถั่วหัวช้าง (chickpeas) และคีนวา (quinoa) โดยเน้นที่การปรับปรุงโครงสร้าง รสชาติและเนื้อสัมผัส
โครงการนี้เป็นความร่วมมือกับพันธมิตร 33 องค์กรจากอุตสาหกรรม หน่วยวิจัยและสถาบันการศึกษาจาก 21 ประเทศ นำโดยคณะอาหารและโภชนศาสตร์ มหาวิทยาลัย University College Cork ประเทศไอร์แลนด์
และในจำนวนนี้มีสมาคมฟรอนโฮเฟอร์ (Fraunhofer) ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยของประเทศเยอรมนี มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ผู้ผลิตผักอย่างบริษัท ProVeg International บริษัทผู้ผลิตพาสตารายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Brailla และผู้ผลิตอาหารทะเลอย่างกลุ่มบริษัทไทยยูเนียน (มหาชน) จากประเทศไทย เข้าร่วมด้วย