HONEYMOON : มาทำ “น้ำผึ้งพระจันทร์” กันเถอะ (ครัวนวัตกิน)

HONEYMOON : มาทำ “น้ำผึ้งพระจันทร์” กันเถอะ
(ครัวนวัตกิน)
.
เวลาที่คู่รักแต่งงานกัน บ่อยครั้งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะถูกถามว่า “ไปฮันนีมูนที่ไหน” ไม่ว่าคำตอบจะเป็นอย่างไร ช่วงเวลาอันหวานซึ้งของการดื่มน้ำผึ้งแสนโรแมนติกใต้แสงจันทร์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ใครๆ อดเคลิบเคลิ้มตามไม่ได้จริงไหมครับ

ดังนั้น ในเดือนที่ยังเป็นเดือนแห่งความรักเดือนนี้ ‘ครัวนวัตกิน’ จึงมีเรื่องราวและสูตรของเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่เกี่ยวกับ น้ำผึ้งพระจันทร์ มาฝากกันส่งท้ายเดือนกุมภาพันธ์ครับ

“ทำไมต้องน้ำผึ้งพระจันทร์”

ลองค้นคำว่า honeymoon ในกูเกิ้ลสิครับจะพบว่ามีตำนานน้ำผึ้งพระจันทร์มากมาย บางทีก็ไปประกอบอยู่กับชื่อบริษัททัวร์ ชื่อประเภทที่นั่งบนเครื่องบิน ชื่อกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยว สำหรับช่วงเวลาดีๆ ของคู่แต่งงานใหม่ ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า Newlywed มีตำนานเล่าย้อนหลังไปถึงธรรมเนียมโบราณที่มีการลักพาตัวหญิงสาวที่หมายปองมาขังไว้เป็นเวลา 1 เดือน

เรื่องมีอยู่ว่าในวัฒนธรรมแบบชนเผ่า เมื่อมีผู้หญิงน้อยเกินไป ผู้ชายก็จะไป “ปล้น” ผู้หญิงจากหมู่บ้านอื่น ส่วนใหญ่มักจะส่งคนไปด้อมๆ มองๆ ดูลาดเลาทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้า และเมื่อได้ตัวสาวเจ้าไปแล้ว ก็จะนำทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวไปซ่อนตัวไว้ระยะหนึ่งเพื่อไม่ให้คนของฝ่ายหญิงติดตามมาพบ

ตามธรรมเนียมฝรั่งเศสโบราณ การซ่อนตัวที่ว่านั้นกินเวลา 1 ชั่วดวงจันทร์ โดยอ้างอิงจากลักษณะแหว่งเว้าของดวงจันทร์ จากคืนแรกที่ซ่อนตัวถึงคืนสุดท้ายที่พระจันทร์กลับมาเหมือนคืนแรกเป็นเวลาประมาณ 28-30 วัน ซึ่งฝ่ายที่ออกตามหา(ฝ่ายเจ้าสาว) ถ้าหาตัวแล้วไม่พบภายใน 1 เดือนก็จะเลิกติดตาม ด้านฝ่ายเจ้าบ่าวเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วก็จะทั้งคู่ออกจากที่ซ่อน

ระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่นั้น ย่อมต้องมีข้าวของเครื่องใช้รวมทั้งอาหารการกินอยู่ตามสมควร และสิ่งที่ขาดไม่ได้ระหว่างซ่อนตัวอยู่ก็คือการเตรียมเครื่องดื่มที่ทำจากน้ำผึ้งหมักที่มีแอลกอฮอล์นิดๆ เรียกว่า เมเทกลิน (metheglin) ไว้ให้หญิงสาวกับชายหนุ่มดื่มระหว่างที่อยู่กันสองต่อสองตามลำพัง

เมเทกลินนี้คล้ายกับเหล้าน้ำผึ้งหรือมีด (mead) แต่จุดเด่นของเมทกลินอยู่ที่สูตรการเติมแต่งรสชาติที่หลากหลาย เรียกว่า เป็นสูตรการปรุงประจำตระกูลเลยก็ว่าได้ และเพราะการซ่อนตัวใช้เวลา 1 ชั่วพระจันทร์หรือประมาณ 1 เดือนอย่างที่ว่ามาแล้ว ธรรมเนียมปฏิบัตินี้จึงเป็นที่มาของคำว่า “น้ำผึ้งพระจันทร์” (honeymoon) นั่นเอง

แต่จะด้วยความเหงา หรือเพราะแอลกอฮอล์ในเมเทกลินก็สุดจะเดา เขาบอกว่าพอออกมาจากที่ซ่อนก็รักกันหวานชื่นทุกคู่เลยทีเดียว

ธรรมเนียมนี้เราพอจะเห็นได้ในหลายๆ วัฒนธรรมนะครับ อย่างธรรมเนียมส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าห้องหอของจีน ที่มักจะให้อยู่ตามลำพังในห้องด้วยกัน 3 วัน แถมมีเหล้ามงคลไว้ในห้องนั้นด้วย รูปการณ์ก็คงออกมาทำนองเดียวกัน ซึ่งผมว่าเมื่อก่อนคงอยู่กันนานกว่านั้น แต่จำนวนวันที่อยู่ในห้องหอก็คงลดลงตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนไปของแต่ละวัฒนธรรมนั่นเองละครับ

“เราดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันตั้งแต่เมื่อไหร่”

ในวัฒนธรรมยุโรปและบางประเทศที่ได้รับวัฒนธรรมยุโรป มีธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่คู่แต่งงานใหม่จะเดินทางไปใช้ช่วงเวลาวันหยุดยาวด้วยกัน ธรรมเนียมนี้เพิ่งเกิดขึ้นในอังกฤษเมื่อต้นศตวรรษที่ 19 นี่เอง

ชนชั้นสูงของอังกฤษนิยมเดินทางแบบที่เรียกว่า bridal tour หรือทัวร์คู่สมรส บางครั้งก็ไปกันเองตามลำพัง แต่ก็มีหลายคู่ที่พาเพื่อนสนิทหรือครอบครัวไปเยี่ยมญาติๆ ที่ไม่ได้มาร่วมงานแต่ง ส่วนหนึ่งก็คงเป็นการไปพักผ่อนหลังเสร็จงานแต่งที่แสนจะวุ่นวายและเหนื่อยล้า

จากอังกฤษ ธรรมเนียมนี้แพร่ไปทั่วยุโรป อย่างในฝรั่งเศสตั้งแต่ราวทศวรรษ 1820 เป็นต้นมา มีคำเรียกการเดินทางของคู่แต่งงานใหม่แบบนี้ว่า voyage à la façon anglaise (แปลตามตัวก็คือ การเดินทางไกลแบบอังกฤษ)

ส่วนการไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของคู่แต่งงานใหม่อย่างที่เข้าใจกันในปัจจุบันเกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914) ซึ่งเรียกช่วงเวลาดังกล่าวว่า ยุคสวยงาม (La Belle Époque) โดยสถานที่ที่นิยมไปเที่ยวกันในเวลานั้นได้แก่ ริเวียรา (Riviera) เมืองตากอากาศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศส และเมืองต่างๆ ของอิตาลี โดยเฉพาะเมืองที่อยู่ติดทะเล รวมทั้งเมืองที่มีบรรยากาศโรแมนติกอย่างโรม เวโรนาและเวนิส

การไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในยุคนั้นนิยมออกเดินทางทันทีในคืนที่มีพิธีแต่งงาน เรียกว่าพอเสร็จพิธีขึ้นเครื่องบิน เรือหรือรถไฟไปยังที่หมายกันเลยทีเดียว แต่ในปัจจุบันหลายคู่เลือกที่จะพักผ่อนหลังเสร็จงานเพื่อจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้เรียบร้อยสัก 1-3 วันแล้วค่อยไปใช้เวลาร่วมกันตามที่วางแผนเอาไว้

มาทำน้ำผึ้งพระจันทร์กันเถอะ

เมเทกลิน คือเหล้าน้ำผึ้งที่ได้จากการหมักน้ำผึ้งซึ่งมีน้ำตาลให้เกิดแอลกอฮอล์ในระดับที่ไม่แรงมาก (เรียกว่ากินแล้วพอตาเยิ้มๆ อารมณ์ดีๆ ทำนองนั้น) โดยเอกลักษณ์ของเมเทกลินคือการเติมส่วนผสมอื่นๆ อย่างพวกใบไม้ ดอกไม้ รากไม้และเครื่องเทศอื่นๆ ลงไปเพื่อให้มีรสชาติและกลิ่น (บางคนว่าเพิ่มความแรงของแอลกอฮอล์ให้มากขึ้น)

ฟังอย่างนี้ บางท่านอาจจะอยากทราบแล้วใช่ไหมครับว่าอิทธิพลของเมเทกลินจะทำให้คนดื่มมีอารมณ์เคลิบเคลิ้มไปได้จริงๆ หรือเปล่า งั้นเราไปลองทำเมเทกลินตามสูตรที่นำมาฝากกันเลยดีกว่า

น้ำผึ้งพระจันทร์
ส่วนผสม

น้ำผึ้ง 1.4 กิโลกรัม

น้ำเปล่า 4.5 ลิตร

โรสแมรีสับ 2 ช้อนโต๊ะ

ใบไทม์ 1-2 ช้อนชา

ใบเบย์ (ใบกระวาน) 6 ใบ

เลมอน 2 ผล (คั้นเอาน้ำ ส่วนผิวปอกแยกไว้)

เปลือกเถาองุ่น ¼ ช้อนชา (ให้สารแทนนินที่มีรสฝาด)

ยีสต์ที่ใช้หมักไวน์ขาว 1 ซอง

อาหารเลี้ยงยีสต์ 1 ซอง (ดูวิธีเลี้ยงยีสต์บนฉลาก)

วิธีทำ

1. เทน้ำใส่หม้อขนาดใหญ่ตั้งไฟให้น้ำเดือดพล่าน เทน้ำผึ้งลงไป ตักน้ำร้อนเทใส่ขวดหรือโถน้ำผึ้งเพื่อล้างน้ำผึ้งที่ค้างอยู่ลงไปให้หมด (ไม่เสียของ) คนต่อไปจนน้ำผึ้งละลายกับน้ำเดือด ต้มต่อไป 10 นาที ช้อนฟองทิ้งเป็นระยะๆ

2. ยกหม้อลงจากไฟ เทเครื่องเทศทั้งหมด รวมถึงเปลือกเถาองุ่น ผิวเลมอนและน้ำเลมอนลงไป คนเล็กน้อย ปิดฝาทิ้งไว้ให้เย็น

3. ฆ่าเชื้อขวดหรือถังหมัก (ดูวิธีได้จากในอินเทอร์เน็ต) เทน้ำผึ้งผสมน้ำกับเครื่องเทศที่เย็นแล้ว (ย้ำว่าต้องทิ้งไว้ให้เย็นนะครับ อุ่นๆ ไม่ได้ เดี๋ยวยีสต์ตาย) ใส่ยีสต์และอาหารเลี้ยงยีสต์ (ที่เตรียมตามขั้นตอนที่แนะนำบนฉลากซองอาหาร) ลงไป ปิดฝาหมักไว้ 3 วัน

4. ค่อยๆ เทส่วนผสมใส่กรวยลงไปขวดเดมิจอห์น (demijohn) ที่เป็นขวดแก้วใหญ่ คอขวดเล็กๆ ยาวๆ มักจะหุ้มด้วยตะกร้าสานมีหูหิ้ว หรือบางทีก็มีหูแก้วสำหรับหิ้วอยู่ที่คอขวด อาจใช้ผ้าขาวบางกรองอีกชั้นหนึ่ง เพื่อไม่ให้เศษวัสดุปนลงไปมากนักก็ได้ (อย่าลืมว่าขวด กรวยและผ้าขาวบ้างต้องสะอาดและฆ่าเชื้อมาแล้วด้วย)

5. ใช้จุกยางแบบมีที่ระบายฟองอากาศ (bubble-trap) ปิดปากขวด หมักไว้ 2 เดือน ส่วนผสมจะตกตะกอน เทน้ำใสๆ ใส่ขวดใบใหม่ที่ฆ่าเชื้อแล้ว

..

จากสูตรของเมนูนี่ เราจะเห็นว่าขั้นตอนการทำเมเทกลินหรือแม้แต่เหล้าน้ำผึ้งเองมีขั้นตอนซับซ้อนไม่น้อย ที่จริงเรียกว่าใช้หลักการเดียวกับการหมักไวน์ เบียร์ และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์อื่นๆ ก็ว่าได้ครับ และทุกขั้นตอนต้องมีเรื่องของความสะอาดและการฆ่าเชื้อ ไม่อย่างนั้นเชื้อที่ไม่ต้องการซึ่งมีอยู่ในอากาศรอบตัวจะเข้าไปปะปนจนทำให้เกิดเน่าเสียได้

มองในเงื่อนไขเวลา การที่ต้องใช้เวลาเตรียมและหมักเครื่องดื่มนี้กินเวลาร่วมๆ 2 เดือน แสดงว่าไม่ใช่ปุบปับอยากไปพาตัวสาวเจ้าจากหมู่บ้านอื่นหรือเผ่าอื่นมาก็ลงมือทำเลย ต่อให้มีเหล้าน้ำผึ้งที่หมักไว้เป็นประจำอยู่แล้วก็ตาม ความใจร้อนมีรอจังหวะรอเวลาที่เหมาะสม ก็อาจทำให้งานใหญ่เสียหายได้

ผมว่านี่แหล่ะครับ คือสิ่งที่คนโบราณคิดต่างจากปัจจุบันที่อะไรๆ ก็สะดวกง่ายดายและรวดเร็วไปหมด จนทำให้บางคนไม่รู้จักคำว่ารอ ปล่อยให้อารมณ์เป็นใหญ่จนเสียการเสียงานมามากต่อมากแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องของความรัก บางครั้งถ้ารอนานขึ้นอีกนิด แต่ให้มั่นใจมากขึ้นมันก็น่ารอจริงไหมล่ะครับ

แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ

สวัสดีครับ

Related Posts