สปัดนัท : โดนัทแป้งมันฝรั่ง
แฟรนไชส์โดนัทแห่งแรกของอเมริกา
.
เปิดทำงานวันแรกของปี 2021 วันนี้นวัตกินเอาเรื่องของธุรกิจแฟรนไชส์โดนัท หรือขนมแป้งทอดประจำออฟฟิศมาฝากกัน สำหรับทั้งคนที่ชอบทาน และก็ใครที่อยากขายครับ
.
‘สปัดนัทส์’ เป็นหนึ่งในตำนานบนเส้นทางธุรกิจแฟรนไชส์ร้านขายโดนัทแป้งมันฝรั่ง ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในระดับแนวหน้าด้วยจำนวนร้านกว่า 600 แห่งในสหรัฐและประเทศอื่นๆ แป้งสูตรลับของร้านนี้ทำให้โดนัทนุ่มฟูกว่าการใช้แป้งสาลีเพียงอย่างเดียว
ในศตวรรษที่ 18 มีผู้อพยพชาวเยอรมันเข้ามาตั้งถิ่นฐานในรัฐฟิลาเดลเฟียจำนวนมาก คนเหล่านั้นรักษาธรรมเนียมที่สืบทอดจากมาตุภูมิด้วยการทำขนมจากแป้งมันฝรั่งที่ปรุงให้ออกรสหวานเล็กน้อยแล้วทอดด้วยน้ำมันในช่วงก่อนถึงวันพุธรับเถ้า (Ash Wednesday) ซึ่งเป็นวันสำคัญวันหนึ่งของศาสนาคริสต์ เหตุผลหนึ่งมาจากการที่มันฝรั่งราคาถูกกว่าและหาได้ง่ายในท้องถิ่น และการใช้แป้งมันฝรั่งยังช่วยให้มีแป้งสาลีเก็บไว้ทำอาหารหลังเทศกาลมหาพรตผ่านไปแล้วอีกด้วย
ร้านโดนัทแห่งแรกของสหรัฐเป็นร้านแฟรนไชส์ชื่อ สปัดนัทส์ (Spudnuts) จากรัฐยูทาห์ครับ
ร้านนี้ก่อตั้งโดยอัล และ บ๊อบ เพลตัน (Al and Bob Pelton) สองพี่น้องแห่งเมืองซอลท์เลกซิตีที่เมื่อได้กินโดนัทแป้งมันฝรั่งแล้วเกิดติดอกติดใจขึ้นมาจึงลองหาสูตรมาทดลองจนมั่นใจและเริ่มขายโดนัทแป้งมันฝรั่งในปี 1940 ก่อนจะขยายกิจการเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ไปทั่วประเทศในปี 1946 โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์ต้องจ่ายค่าแรกเข้าเป็นเงิน 50 ดอลลาร์ (ประมาณ 450 ดอลลาร์ในปัจจุบัน) กับค่าแป้งสปัดนัทอีก 100 ถุง
ช่วงทศวรรษ 1940-1950 สปัดนัทส์กลายเป็นผู้นำในระดับแนวหน้า กลางปี 1949 มีร้านสปัดนัทส์ 225 แห่งใน 31 รัฐ และในปี 1954 มีมากกว่า 300 แห่งใน 38 รัฐ พร้อมๆ กับการเปิดตัว “มิสเตอร์สปัดนัท” (Mr.Spudnut) สัญลักษณ์นำโชครูปโดนัทผูกหูกระต่าย สวมกางเกงขายาว ถือไม้เท้าและเปิดหมวกหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสที่โด่งดังไปไกลถึงญี่ปุ่น
ขณะที่ค่าแรกเข้าเป็นแฟรนไชส์ของสปัดนัทก็ขยับขึ้นไปเป็น 1,750 ดอลลาร์พร้อมกับค่าอุปกรณ์และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ว่ากันว่าถ้าจะเริ่มต้นเปิดร้านแฟรนไชส์สปัดนัทต้องมีเงินลงทุนอย่างต่ำ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 40,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน) มีข้อมูลว่า ในปี 1964 สปัดนัทส์ขายโดนัทได้ถึงวันละประมาณ 400,000 อัน โดยสูตรลับของร้านสปัดนัทส์คือการใช้แป้งมันฝรั่งที่มีคุณสมบัติเก็บความชื้นได้ดี ขณะเดียวกันก็มีความแข็งพอจะเก็บอากาศไว้ได้ด้วย จึงทำให้โดนัทที่ได้มีความฟู นุ่ม เหนียวและไม่แห้งเหมือนการใช้แป้งสาลีเพียงอย่างเดียว
ต่อมา ในปี 1968 พี่น้องเพลตันตัดสินใจเกษียณอายุตนเอง บริษัท Spudnut Industrie Inc. จึงถูกขายให้บริษัทหนึ่งจากวอชิงตัน และในอีก 5 ปีต่อมาก็ขายให้บริษัทอีกแห่งในรัฐนอร์ทดาโกตาด้วยมูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์
ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ หลังจากนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจสปัดนัทส์ เช่น การ “ปลดเกษียณ” มิสเตอร์สปัดนัท” สัญลักษณ์นำโชคที่ใช้มาแต่เดิมแล้วเปลี่ยนเป็นรูปโดนัทถูกแหว่งที่มุมขวาบนแทน รวมถึงการเปลี่ยนสูตรแป้งที่ต่างไปจากของพี่น้องเพลตันเคยใช้
นอกจากนี้ยอดขายตกลงอย่างมากทำให้เจ้าของร้านหลายรายถูกบีบให้แยกตัวไปขายโดนัทเป็นเอกเทศไม่ขึ้นตรงกับบริษัท ทำให้ร้านแฟรนไชส์ที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของสหรัฐ ด้วยจำนวนกว่า 600 แห่งทั่วสหรัฐ แคนาดาและเม็กซิโก (ในจำนวนนี้มี 170 แห่งในญี่ปุ่น) ลดจำนวนลงเหลือเพียง 28 แห่งในปี 1989
ปัจจุบันร้านสปัดนัทส์มีอยู่ 35 แห่งทั่วสหรัฐซึ่งอยู่ได้เพราะการขายโดนัทควบคู่กับกาแฟ และแม้ร้านเพียงแห่งเดียวในแคนาดาจะถูกร้านขนมอบซื้อกิจการไปในปี 2009 แล้วก็ตาม แต่ร้านดังกล่าวก็ยังทำโดนัทแป้งมันฝรั่งออกจำหน่ายสัปดาห์ละ 1 ครั้ง