ข้าวหอมมะลิไทย..ยิ่งรู้ ยิ่งหอม
….
หลังจากพาผู้อ่านไปเที่ยวเล่นในเรื่องเล่า ประวัติศาสตร์ และความรู้ของอาหารนานาชาติมาหลายเรื่องแล้ว บางท่านจึงถามมาว่า..แล้ว ‘นวัตกิน’ จะไม่เล่าเรื่องเกี่ยวกับอาหารไทยบ้างหรือ?
แน่นอน ได้เลยครับ วันนี้เราจัดให้ และไหนๆ จะจัดอะไรไทยๆ ทั้งทีแล้ว เราขอจัดให้แบบตรงแก่นกลางใจของอาหารบ้านเราเลยดีกว่าครับ นั่นคือเรื่องเล่าและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ‘ข้าว’ ซึ่งถือเป็นอาหารหลักของคนไทยเรานั่นเอง
พูดถึงคำว่า ‘ข้าว’
คนไทยเราผูกพันกับข้าวมายาวนานครับ เห็นได้จากขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้าวและมีข้าวเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย เช่น พิธีแรกนาขวัญทั้งของหลวงและของราษฎร การบูชาแม่โพสพ
นอกจากนี้ เราก็ยังมีพิธีทำบุญในวาระสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้าวอีกด้วยครับ เช่น การทำบุญคูนลานหรือการทำขวัญข้าวหลังการเก็บเกี่ยว การทำบุญกวนข้าวทิพย์หรือข้าวกระยาทิพย์ หรือการทำเครื่องดื่มที่จากเมล็ดข้าวอ่อนได้ออกมาเป็นน้ำนมข้าวหรือที่โบราณเรียกว่า น้ำข้าวยาคู ที่นิยมนำไปถวายพระสงฆ์
ยังไม่พอ มากกว่านั้น..ข้าวยังผูกพันในทางวัฒนธรรมภาษาของเราอย่างมา จนถูกแสดงออกมาในรูปของภาษิต คำพังเพย และสำนวนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวใหม่ปลามัน ข้าวเหลือเกลืออิ่ม ข้าวแดงแกงร้อน เลี้ยงเสียข้าวสุก หุงข้าวประชดหมา ปิ้งปลาประชดแมว ข้าวก้นบาตร ข้าวยากหมากแพง ข้าวปลาอาหาร
หรือแม้แต่ ‘นิทาน’ ที่เกี่ยวข้องกับการกำเนิดโลกกำเนิดมนุษย์ของชาวตะวันออกก็ยังมีข้าวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ แต่มันคือหลักฐานที่แสดงให้เห็นความสำคัญของ ‘ข้าว’ ในฐานะอาหารหลักของผู้คนแถบบ้านเราได้เป็นอย่างดี
..
ทีนี้ พอพูดถึงข้าว แน่นอนว่าบ้านเรานั้นมีพันธุ์ข้าวหลายชนิดมาก ทั้งข้าวหอมมะลิ ข้าวเสาไห้ ข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวสินเหล็ก ข้าวลืมผัว ข้าวขาวตาแห้ง ข้าวขาวเหลือง ฯลฯ
แต่ในบรรดาข้าวหลากสายพันธุ์ ถ้าว่ากันที่ความดัง ความฮิต ความยอดนิยมแล้วล่ะ ก็คงหนีไม่พ้น ‘ข้าวหอมมะลิ’ อย่างแน่นอน
ดังนั้น วันนี้เราจึงนำเรื่องราวของ ‘ข้าวหอมมะลิ’ มาเล่าสู่กันฟังครับว่านอกจากความหอม ความขาว และความอร่อยแล้ว ยังมีความอื่นๆ..หรือเกร็ดน่ารู้อะไรอีกบ้างเกี่ยวกับข้าวชนิดนี้
“ชื่อเดิมไม่ใช่ข้าวหอมมะลิ
ข้าวหอมมะลิ แต่เดิมไม่ได้ชื่อนี้ แต่มันมีชื่อว่า ‘ข้าวขาวดอกมะลิ’ ครับ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องย้อน
จนกระทั่งปี 2502 จึงได้พันธุ์ข้าวบริสุทธิ์ เรียกว่า ข้าวขาวดอกมะลิ 4-2-105 (ซึ่งต่อมาเกษตรกรทั่วไปเรี
โดยเหตุผลที่เรียกว่า ข้าวขาวดอกมะลิ นั้นก็เพราะว่าข้าวชนิดนี้เ
“ขาวดั่งมะลิ หอมเหมือนใบเตย”
เอกลักษณ์สองอย่างของข้าวหอ
โดยกลิ่นหอมที่เกิดขึ้นในข้
ดังนั้น เราเลยได้ยินคำแนะนำกันอยู่
“ปลูกวันแม่-เกี่ยววันพ่อ”
ผลจากการวิจัยทางการเกษตรพบ
ซึ่งนั่นหมายความว่า ข้าวจะออกรวงเมื่อโลกเข้าสู
ความเข้าใจในธรรมชาติของข้า
สำหรับข้าวหอมมะลิ (ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าวกข15) นี้ก็เช่นกัน มันเป็นพันธุ์ข้าวไวต่อแสง ดังนั้นไม่ว่าจะเริ่มปลูกเว
และตรงนี้เองครับ คือที่มาของคำว่า “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ”(12 ส.ค. – 5 ธ.ค.) เพราะพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และข้าว กข15 นั้นนอกจากไวต่อแสงแล้ว มันยังเป็นข้าวหนักด้วย (ข้าวหนักหมายถึง ข้าวที่มีอายุการเก็บเกี่ยว
ดังนั้น การปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ จึงเป็นแผนเวลาที่กำลังดีที
เรียกได้ว่าการรู้จักธรรมชา
“เลข 105 มาจากไหน”
จริงๆ แล้ว ข้าวหอมมะลิ เกือบถูกยกเลิกการทดลองมาแล
หรือพูดง่ายๆ คือเราเกือบไม่มีข้าวหอมมะล
โดยเรื่องนี้ถูกเล่าไว้ใน ข้อเขียนชื่อ “ข้าวหอมดอกมะลิ สิ่งที่ข้าพเจ้าภูมิใจ” ปรากฏในหนังสือ 80 ปีของชีวิต สละ ทศนานนท์ อดีตอธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ครับว
ครั้งหนึ่งท่านเคยได้รับประ
แต่ต่อมาภายหลัง เมื่อท่านได้สอบถามถึงข้าวพ
และจาก 153 สายพันธุ์ในการทดลองนาราษฎร
แต่เนื่องจากข้าวเจ้าไม่ค่อ
นั่นเลยเป็นที่มาของตัวเลข 105 ในชื่อพันธุ์ข้าว “ขาวดอกมะลิ 105” นั่นเองครับ
กระแสการดูแลสุขภาพมาแรงมาก
ตรงนี้เองครับที่ ‘นวัตกรรมทางการเกษตร’ ได้ทำให้เกิดข้าวสายพันธุ์ใ
ข้าวชนิดนี้เรียกว่า ข้าวหอมมะลิแดง หรือ Red Jasmine Rice ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวเจ้าพันธ
นอกจากนี้ การที่ข้าวหอมมะลิแดงเป็นข้
ใครสนใจข้าวหอมมะลิทางเลือก
….
เอาล่ะครับ , ได้รู้เรื่องราวของข้าวหอมม
แล้วพบกันครับ
เอกสารประกอบ
http://
https://
https://th.wikipedia.org/…/
http://