กาแฟ “คัฟเฟอุสต์” ..กาแฟใส่ชีส จิบไป เคี้ยวไป
คาเฟ่เดโอลญ่า..กาแฟต้มหม้อดินตำรับนักรบสตรีเม็กซิกัน
คาเฟ่โอเลต์..กาแฟจากวัฒนธรรมคาเฟ่ของฝรั่งเศส
กาแฟตุรกี..เข้มจนกฎห้ามดื่มทำอะไรไม่ได้
อีโปห์ไวต์คอฟฟี่..กาแฟมาเลย์สูตรแรกเริ่มนั้นคั่วกับมาการีน
กาแฟหยินหยาง ..นกเป็ดน้ำรักเดียวใจเดียวดั่งชาและกาแฟอยู่คู่กัน
.
จากที่หลายๆ ท่านแจ้งมาว่าอยากให้นวัตกินเราทำบทความ “เรื่องเล่าของกาแฟนานาชาติ” ต่อจากที่เคยลงไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
พอดีสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาแอดมินงานเข้าเล็กน้อย (เรื่องงานนวัตกรรมอาหารนี่แหละ—เดี๋ยวจะมีโปรดักต์ใหม่) เลยทำให้ทำงานล่าช้าเล็กน้อยนะครับ ยังไงก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
เอาล่ะ..อากาศเย็นๆ ในคืนดีๆ แบบนี้
เรามาจิบกาแฟนานาชาติกันต่อดีกว่าครับ

คาเฟ่โอเลต์ (Café au lait)
คำว่าคาเฟ่ ซึ่งหมายถึง ร้านจำหน่ายกาแฟและของว่างนั้น มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส คาเฟ่แห่งแรกของโลกเปิดขึ้นที่เมืองมาร์แซย์ ประเทศฝรั่งเศสในปี 1672
หลังจากนั้นวัฒนธรรมคาเฟ่ก็แพร่กระจายไปทั่วฝรั่งเศสและยุโรป โดยนิยมตั้งโต๊ะออกมาบนทางเท้าหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบขณะจิบกาแฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่คาเฟ่ทั่วโลกยังคงทำกันมาถึงทุกวันนี้
สำหรับเครื่องดื่มยอดนิยมในคาเฟ่ของฝรั่งเศสก็คือคาเฟ่โอเลต์ หรือกาแฟใส่นมนั่นเอง
แม้คาเฟ่โอเลต์จะฟังดูมีสูตรคล้ายกับลาเต้ของอิตาลี่ แต่ก็มีสิ่งที่แตกต่างกันอยู่อย่างชัดเจนคือ กาแฟลาเต้นั้นจะชงโดยใช้เอรสเพรสโซ่เป็นเบสแล้วเติมนมลงไป เสิร์ฟในแก้วใสพร้อมฟองนม
ขณะที่คาเฟ่โอเลต์แบบดั้งเดิม จะชงโดยใช้กาแฟที่ไม่ใช่เอรสเพรสโซ่ หรือถ้าอยากให้มีความเป็นฝรั่งเศสมากขึ้น ก็จะชงแบบเฟรนช์เพรส (French press) จากนั้นผสมกาแฟนกับนมในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 และเสิร์ฟในแก้วกระเบื้องเคลือบ โดยไม่แต่งหน้าด้วยฟองนม

กาแฟตุรกี (Turkish Coffee)
กาแฟตุรกีมีความเก่าแก่ไม่แพ้กาแฟอาหรับ ในสมัยจักรวรรดิออตโตมัน มีเรื่องเล่าว่า ในอดีตนั้นสุลต่านท่านหนึ่งได้เคยออกกฎห้ามดื่มกาแฟเพราะเห็นว่าเป็นยาเสพติด แต่ท่านก็ต้องยกเลิกในภายหลัง เพราะไม่สามารถต้านทานความนิยมในเครื่องดื่มชนิดนี้ในหมู่ผู้คนได้
การชงกาแฟตุรกีนั้น เราจะใช้เมล็ดกาแฟที่บดจนละเอียดเท่านั้น โดยใส่ผงกาแฟและน้ำลงในหม้อต้มกาแฟใบเล็กด้ามจับยาวที่เรียกว่าเชซเว่ (Cezve) ต้นตำรับนั้นจะนิยมผสมน้ำตาลลงไปด้วย จากนั้นก็นำเชซเว่ไปตั้งไฟจนฟองกาแฟปริ่มหม้อ ก่อนจะรินกาแฟลงในถ้วยสำหรับดื่ม มักเสิร์ฟพร้อมขนมหวาน และน้ำเปล่า
และลักษณะพิเศษของการแฟตุรกีคือ ในการชงจะเหลือผงกาแฟที่ยังไม่ละลายอยู่ในเครื่องดื่มด้วย ซึ่งเป็นสูตรที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับกาแฟได้เป็นอย่างดี

คาเฟ่เดโอลญ่า (Café de olla)
นี่คือเครื่องดื่มรสชาติเข้มข้น ที่ถือกำเนิดในสมรภูมิสงครามกลางเมืองของประเทศเม็กซิโก
ในทศวรรษที่ 1910 – 1920 เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในประเทศเม็กซิโก เหล่าประชาชนได้ก่อตั้งกองทัพปฏิวัติและจับอาวุธต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเผด็จการ ในกองทัพปฏิวัตินั้นมีนักรบสตรีเข้าร่วมไม่น้อย
และเป็นพวกเธอนี่เองที่ปรุงเครื่องดื่มบำรุงกำลังสำหรับเหล่าทหารแนวหน้า โดยการต้มกาแฟ เครื่องเทศ และสมุนไพรในหม้อดิน จนเกิดเป็นคาเฟ่เดโอลญ่าขึ้น
ส่วนผสมของคาเฟ่เดโอลญ่าในปัจจุบันประกอบด้วย กาแฟคั่วบด ซินนามอน และน้ำตาลปาเนลา (Panela – น้ำตาลอ้อยที่ไม่ผ่านการกลั่น ลักษณะคล้ายน้ำตาลโตนด) โดยต้องต้มในหม้อดินเผาเท่านั้น เพื่อให้ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องดื่มชนิดนี้

อีโปห์ไวต์คอฟฟี่ (Ipoh white coffee)
กาแฟที่คั่วพร้อมส่วนผสมอื่นๆ เช่น ข้าวโพด น้ำตาล เม็ดมะขาม ฯลฯ หรือที่บ้านเราเรียกว่า “กาแฟโบราณ” นั้น เป็นกาแฟที่แพร่หลายทั่วภูมิภาคอาเซียน และมีสูตรที่แตกต่างกันไป โดยหนึ่งในกาแฟโบราณที่โดดเด่นก็คือ “อีโปห์ไวต์คอฟฟี่” ของมาเลเซีย
อีโปห์คือเมืองหลวงของรัฐเปรัก ประเทศมาเลเซีย และเคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองจากอุตสาหกรรมเหมืองดีบุก และพวกนักธุรกิจชาวอังกฤษก็ได้นำกาแฟเข้าไปเผยแพร่ที่อีโปห์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19
แต่แรงงานเหมืองชาวจีนกลับไม่ชอบกาแฟที่มีรสเปรี้ยวและขมแบบชาวตะวันตก พวกเขาจึงได้ปรับปรุงรสชาติกาแฟ ด้วยการนำเมล็ดกาแฟไปคั่วกับมาการีน จนได้กาแฟที่มีกลิ่นรสหอมหวานคล้ายคาราเมล
จากนั้นนำเมล็ดกาแฟชนิดนี้ไปบดและชงเป็นกาแฟร้อนใส่นมข้นหวาน ทำให้ได้กาแฟที่มีสีอ่อนกว่ากาแฟของฝรั่ง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “อีโปห์ไวต์คอฟฟี่” นั่นเอง
การชงกาแฟใส่นมข้นหวานของชาวอีโปห์นั้น ได้รับความนิยมไปทั่วมาเลเซีย และทำให้เกิด “ไวต์คอฟฟี่” สูตรต่างๆ ขึ้นมากมาย
ทั้งแบบชงสดๆ และแบบกาแฟซองที่เราสามารถซื้อเป็นของฝากจากมาเลเซียได้ด้วย

กาแฟใส่ “คัฟเฟอุสต์” (Kaffe med kaffeost)
ที่อื่นๆ ในโลกอาจชงกาแฟโดยใส่นม ใส่ครีม ใส่น้ำตาล ใส่น้ำผึ้ง ใส่เหล้า หรือแม้แต่ใส่ไข่ แต่สำหรับชาวสแกนดิเนเวียนบางส่วน กาแฟของพวกเขาต้องใส่ชีสด้วย
คัฟเฟอุสต์ (มีความหมายว่า “ชีสกาแฟ”) คือชีสที่ชาวสวีเดนทางตอนเหนือและชาวฟินแลนด์นิยมใส่ลงไปในกาแฟ ชีสชนิดนี้ทำจากนมวัวหรือนมกวาง มักผ่านการอบให้มีกลิ่นไหม้นิดๆ
วิธีกินคัฟเฟอุสต์กับกาแฟนั้น เริ่มจากการตัดคัฟเฟอุสต์ให้เป็นก้อนสี่เหลี่ยมพอดีคำ นำคัฟเฟอุสต์ 4 – 5 ก้อนใส่ลงในถ้วยกาแฟ แล้วรินกาแฟลงไป
และเนื่องจากชีสชนิดนี้ไม่ละลายเมื่อเจอกับกาแฟร้อนๆ การรับประทานจึงต้องจิบกาแฟไปพลาง สลับกับการใช้ช้อนตักชีสที่ชุ่มกาแฟใส่ปากเคี้ยวหนุบหนับ
อาจเป็นวิธีดื่มกาแฟที่ได้แคลอรี่สูงไปสักนิด แต่ก็เหมาะกับภูมิภาคที่อากาศหนาวเย็นอย่างแถบสแกนดิเวีย

หยินหยาง (Yuenyeung)
ใครๆ ก็รู้ว่า เครื่องดื่มประจำชาติของชาวจีนคือชา และหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมของชาวฮ่องกง ก็คือชาผสมกาแฟที่มีชื่อว่าหยินหยาง
หยินหยาง คือเครื่องดื่มที่เป็นส่วนผสมของกาแฟ 3 ส่วน และชานมฮ่องกง 7 ส่วน สามารถดื่มได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น
ในตอนแรกเครื่องดื่มนี้มีจำหน่ายตามแผงขายกาแฟข้างถนนและร้านกาแฟแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ในปัจจุบันหยินหยางได้รับความนิยมมากขึ้น และมีจำหน่ายตามร้านอาหารต่างๆ แม้แต่ Starbuck ในฮ่องกงและมาเก๊าก็เคยออกเครื่องดื่มหยินหยางของตัวเองมาแล้ว
ชื่อของเครื่องดื่มชนิดนี้ มีที่มาจากคำว่า Yuanyang ในภาษาจีนกลาง ซึ่งหมายถึงนกเป็ดน้ำ ชาวจีนเชื่อว่านกเป็ดน้ำเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว และครองคู่กันจนวันตาย
เปรียบได้กับหยินหยางที่นำชากับกาแฟมาเคียงคู่กันนั่นเอง